ก่อนเดินทางต้องรู้ อัตรารับน้ำหนัก มีผลกับอายุยางรถยนต์อย่างไร ผู้ใช้รถกระบะ และรถยนต์

ดัชนีบรรทุก หรือ Load Index เป็นสัญลักษณ์เพื่อใช้ดูอัตราการรับน้ำหนักของยางเส้นนั้นๆ โดยยางรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละขนาด 
อาจจะมีอัตราการรับน้ำหนักที่แตกต่างกัน สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานเพื่อการบรรทุก เช่นรถกระบะ ควรอย่างยิ่งที่ต้องตรวจสอบอัตราบรรทุก
เพื่อประโยชน์ คือ 

-  สามารถใช้งานยางรถยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพ 
-  ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหา ยางแตก ยางระเบิด จากการรับน้ำหนักมากเกินไป

สำหรับการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ นอกจากจะเลือก ยี่ห้อ รุ่น แล้ว ควรดูดัชนีบรรทุก โดยสอบถามจากพนักงานขาย หรือ ดูจากข้อมูลของผู้ผลิตยาง
ส่วน ยางรถยนต์ที่ใช้งานอยู่แล้ว หากต้องมีการเพิ่มน้ำหนักบรรทุก ควรเช็กจากแก้มยางก่อนทุกครั้ง โดยดูจากตัวเลขดัชนีการบรรทุก 
 

ตัวเลขดัชนีรับน้ำหนัก อยู่หลังขนาดยาง ตามภาพคือ 85 ( 85 = 515 กิโลกรัม)

นอกจากนี้ ยางบางรุ่น จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ ระบุ MAX. LOAD อยู่บนแก้มยาง

ตามตัวอย่างในภาพ MAX. LOAD 775 kg คือ ยางเส้นนี้รับน้ำหนักได้สูงสุด 775 กิโลกรัม

สำหรับการดู ดัชนี้บรรทุก ที่แก้มยางแล้ว สามารถนำมาเปรียบเทียบกับ ตารางดัชนีการรับน้ำหนัก ได้ดังนี้

ตัวเลขดัชนีรับน้ำหนัก หรือ ดัชนีบรรทุก จะเป็นตัวบอกได้ว่ายางเส้นนั้น ๆ สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดเท่าไหร่

และรถแต่ละคัน สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดได้เท่าไหร่ สามารถคำนวนได้ ตัวอย่างเช่น ตัวเลข “105”

หมายความว่า ยางรถยนต์ สามารถรับน้ำหนักได้ 925 กิโลกรัม ยาง 4 เส้น จะสามารถรับน้ำหนักได้ 3,700 กิโลกรัม

(กรณีที่ใช้ยางยี่ห้อ รุ่น และขนาดเดียวกันทั้ง4เส้น)

แต่.... น้ำหนักบรรทุกทั้งหมดที่ได้ ไม่ได้หมายถึงจะบรรทุกของได้ตามน้ำหนักนั้น เพราะยังมีอีกปัจจัยที่ต้องคำนึง คือ น้ำหนักของตัวรถยนต์
แต่ละรุ่นที่จะระบุมา เช่น 

• โตโยต้า  วีโก้ ความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุก โดยเฉลี่ย คือ 1,100 กิโลกรัม  
• โตโยต้า พรีรันเนอร์ (prerunner) สามารถรับนำหนักได้โดยเฉลี่ย คือ 700 กิโลกรัม

ตัวอย่าง ดัชนีบรรทุก ของยางรถยนต์ สำหรับรถกระบะ 

ยางรถยนต์ขนาด 205/70R15

ยางรถยนต์ขนาด 215/70R15

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า ขนาดยางรถยนต์เดียวกัน แต่ต่างยี่ห้อ ต่างรุ่น ดัชนีการรับน้ำหนักก็จะแตกต่างกัน

หากใช้ยางรถยนต์โดยบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่ยางเส้นนั้นๆจะรับได้ อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย 

- โครงสร้างของยางรถยนต์ โดยเฉพาะบริเวณแก้มยาง หรือ ขอบยาง จะแตก หัก หรือ อาจระเบิด
- เกิดการบิดตัวของหน้ายาง ทำให้ดอกยางสึกหรอเร็วกว่าปกติ ทำให้อายุยางลดลง ต้องเปลี่ยนยางใหม่เร็วขึ้น 
- เมื่อมีน้ำหนักมาก ความร้อนภายในยางจะสูงขึ้น ส่งผลเสียต่อเนื้อยาง อาจทำให้แยกออกจากกันได้ง่าย

เมื่อต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ นอกจากราคายาง โปรโมชั่น อย่าลืมตรวจสอบดัชนีบรรทุก ของยางแต่ละรุ่น เพื่อความปลอดภัย และใช้งานได้คุ้มค่าที่สุด